Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

ข่าวในประเทศ เหตุการณ์ที่น่าสนใจ

 พ่อนึกว่าโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ที่แท้ลูกชาย 10 ขวบ เติมเกม โอน 65 ครั้ง สูญ 1.2 ล้าน เหตุรู้เท่าไม่ถึงการณ์...

กรณี นายณรงค์ฤทธิ์ อายุ 49 ปี ชาว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ประกอบอาชีพค้าขายปุ๋ยเคมีการเกษตร เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบ อ้างโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มาล้วงเอาข้อมูลบัตรประชาชนจากลูกชาย หลอกให้เด็กสมัครเล่นเกมออนไลน์ เพื่อจะได้คะแนนสูง สุดท้ายโอนเงินไปจำนวน 65 ครั้ง สูญเงินไปกว่า 1,200,000 บาท ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว


ล่าสุด พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พล.ต.ต.ชรินทร์ เปิดเผยว่า กรณีปรากฏข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.สอท.5 ตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียรใหญ่ ร่วมกันตรวจสอบตามข่าวดังกล่าว โดยได้ทำการเชิญ นายณรงค์ฤทธิ์ และลูกชาย อายุ 10 ปี มาเพื่อสอบถามรายละเอียด และตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้อง

ก่อนเกิดเหตุ นายณรงค์ฤทธิ์ ได้นำโทรศัพท์มือถือไปให้ลูกชายใช้เรียนออนไลน์ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งในการใช้งานแต่ละครั้ง นายณรงค์ฤทธิ์ ไม่ได้เฝ้าระวัง หรือตรวจสอบการใช้งานของลูกชายโดยใกล้ชิด ลูกชายของผู้เสียหายได้นำโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวไปใช้ในการสมัครเล่นเกมออนไลน์ และซื้อไอเทมเกม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง โดยการซื้อไอเทม ดังกล่าวเป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet)

จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า การทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการทำธุรกรรมโดยเจ้าของบัญชีเอง ซึ่งลูกชายอาจเป็นผู้ดำเนินการเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และ นายฤรงค์ฤทธิ์ ไม่ทราบถึงรายละเอียดขั้นตอนดังกล่าวแต่อย่างใด โดยขั้นตอนจะต้องมีการยืนยันตัวตนโดยการถ่ายภาพใบหน้าของ นายฤรงค์ฤทธิ์ เพื่อยืนยันข้อมูลในการสมัครเข้าใช้งาน ซึ่งในการชำระค่าสินค้าเกี่ยวกับเกมออนไลน์ที่ตรวจพบ แบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ

1. เป็นการทำธุรกรรมทางด้านการเติมเงินเพื่อใช้ซื้อไอเทมเกม

2. เป็นการทำธุรกรรมทางด้านการสนับสนุนผู้ทำ Content ผ่านช่องทาง YouTube

การทำธุรกรรมแต่ละครั้งเป็นการกระทำผ่านอุปกรณ์ 2 เครื่อง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ของ นายฤรงค์ฤทธิ์ ที่ได้มอบให้บุตรชายไว้ใช้งาน และจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว พบว่ามีการใช้งานกับกระเป๋า E-wallet และแอปพลิเคชัน Mobile banking ซึ่งผูกบัญชีไว้ด้วยกัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้ตรวจสอบและอธิบายให้ทราบในรายละเอียดที่เกิดขึ้นดังกล่าว นายฤรงค์ฤทธิ์ ก็ทราบและเข้าใจดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกชายของตนไม่ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงแต่อย่างใด แต่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของลูกชายตนเองในการใช้บริการอินเทอร์เน็ต และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์.

#เติมเงินเกม#แก๊งคอลเซ็นเตอร์